เปิดความรัก..ของ "เจ้าชายเกย์"

บอร์ด เกย์ เนื้อหาโดย Mac Casanova               วันนี้..เราจะพาทุกคนไปย้อนชมเรื่องราวของ เจ้าชาย Egon von Furstenberg หรือเจ้าชายเอกอน อดีตสามีของดีไซเนอร์ชื่อดัง Diane von Furstenberg ที่ชีวิตของเขาสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ตัวตนของเขาไม่ได้ผูกติดกับการเหมารวมเรื่องเพศเสมอไป               คู่นี้เป็นคู่รักที่หลาย ๆ คนจับตามองมากที่สุดในแวดวงสังคมชั้นสูง เพราะด้วยความที่เป็นผู้หญิงเก่งของไดแอน ประกอบกับฐานะของเจ้าชายผู้โอบอ้อมอารี  คู่นี้จึงกลายเป็นคู่รักดั่งนิยายยังไงยังงั้น  พวกเขาได้พบรักกันและเดินหน้าคุยกัน โดยมีเหตุการณ์สุดประทับใจหลายต่อหลายครั้ง  การฝ่าฟันอุปสรรคเรื่องครอบครัว ทั้งหมดได้ถูกเล่าขานสืบต่อกันมา จนกลายเป็นตำนานคู่รักที่ผลักดันชีวิตดีไซเนอร์สาวให้พุ่งทะยานได้โชติช่วงจนถึงทุกวันนี้              “เขาเป็นไบเซ็กชวล”   แต่ทว่าในโลกแห่งความจริงแล้ว ไม่ได้เรียบง่ายดั่งนิยายขนาดนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะได้สนับสนุน และมอบความรักให้กับฝ่ายหญิงในทุกย่างก้าวของชีวิต  แต่เขาก็ปฏิเสธความรู้สึก “ชอบผู้ชาย” ในตัวเองไม่ได้เหมือนกัน นั่นไม่ได้แปลว่าไม่รัก แต่อาจจะอยู่ด้วยกันไม่ได้แค่นั้น...               เขารู้สึกว่าเขาชอบผู้ชายจริงๆ เขาเรียกตัวเองว่า "เกย์ " เลยด้วยซ้ำ  ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงานแล้วก็ตาม เขาก็ไม่ได้รักภรรยาของเขาน้อยลง แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งในเรื่องเพศอีกต่อไป ทั้งคู่จึงได้เริ่มค่อยๆ ห่างจากกันมากขึ้น จนแยกกันอยู่ในที่สุด               ถึงเขาจะเป็นไบเซ็กชวล แต่เชื่อไหมว่า ?เปิดความรักของquotเจ้าชายเกย์ ตลอดระยะเวลาที่คบกับไดแอน เขาไม่มีข่าวฉาวใดๆ เลย เขาให้เกียรติไดแอนเสมอ  เขาผลักดันจนไดแอนได้ดี และต่อยอดธุรกิจตัวเองให้ดีด้วยตามไปเช่นกัน มากไปกว่านั้นทั้งคู่ยังมีทายาทร่วมกันซึ่งต่อมาทายาททั้ง 2 คนนี้กลายเป็นกำลังสำคัญพัฒนา และสร้างความมั่นคงให้กับแบรนด์ของคุณแม่ทั้งในตำแหน่งบริหาร และหน้าที่เชิงศิลป์  หากเจ้าชายเอกอนไม่รัก ไม่ประสงค์จะครองคู่กับไดแอนคงไม่เดินกันมาไกลเท่านี้ เพียงแต่เขาไม่ต้องการปิดกั้นความรู้สึกตัวเองอีกต่อไป เขามอบทุกอย่างให้กับภรรยาสุดที่รักไปหมดแล้วทั้งในเชิงรูปธรรม และนามธรรม ถึงเวลาที่เขาจะเดินจากไปก็ย่อมต้องบอกว่าเขายังรักเธออย่างสุดหัวใจเสมอ              แต่ช่วงเวลาแห่งชีวิตฉวัดเฉวียนของเจ้าชายกอนนั้นก็สร้างพลังให้กับแวดวงเหล่าเพศทางเลือก ที่สมัยนั้นยังไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร เพราะก่อนหน้านี้ ต้องบอกว่าสถานที่เที่ยวในเมืองใหญ่ทั่วไปมักจะเป็นที่ของเหล่าชายหญิงมาพบปะนัดเจอกัน  ส่วนของเหล่าเกย์นั้นจะต้องเป็นคลับใต้ดินเท่านั้น  ซึ่งเรื่องนี้ทำให้สังคมเกิดการแบ่งส่วนกันชัดเจนโดยใช้เพศเป็นกำหนด  ถึงไม่ใช่กฎแต่สังคมก็กรอบให้เป็นเช่นนี้เสมอ แต่เจ้าชายเอกอน คือ ผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาให้เส้นกั้นเหล่านี้ถูกทำลายลง และเขาก็ไม่ได้พาเหล่าเพศทางเลือกเข้าคลับทั่วไป  แต่เขาสามารถดึงความสนใจให้เหล่าชายจริงหญิงแท้แบบที่เขาๆ เรียกกัน ลงมาสนุกกับคลับใต้ดินอย่างเต็มใจ ไม่มีกำแพงเรื่องเพศมากั้นขวาง ทุกคนสนุกกับดนตรี อาหาร เครื่องดื่มครบครัน จนต้องบอกว่าไม่มีใครคิด หรือรังเกียจเรื่องเพศกันอีกต่อไป              หลังจากใช้ชีวิตอยู่นิวยอร์กมาเป็นเวลานาน อดีตภรรยาพัฒนาแบรนด์จนดังเปรี้ยงปร้างชื่อ "วอนเฟิร์สเทนเบิร์ก" ติดเป็นของไดแอนไปโดยปริยาย คนเลยไม่ได้จดจำนามสกุลของเจ้าชาย เพราะตัวเขาเองอีกต่อไป  แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่หยุดพัฒนาแบรนด์ของตัวเอง และเขียนหนังสือเกี่ยวกับแฟชั่น และงานดีไซน์ถึง 2 เล่มด้วยกัน (The Power Look ปี 1978  และ The Power Look at Home: Decorating for Men ปี 1980) ทั้งหมดดูเป็นความแมสคิวลีนมากๆ ไม่ใช่แค่เนื้อหาแต่ตัวของเจ้าชายเอกอนเองก็ยังมีรสนิยมแบบผู้ช้ายผู้ชายซึ่งแสดงให้เห็นความชอบ รสนิยม รวมถึงแฟชั่นไม่ได้ผูกติดกับเพศเสมอไป ถึงเขาจะเป็นเกย์ก็ไม่จำเป็นต้องชอบแบบที่ใครเหมารวมกัน เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลจริงๆ              ถึงแม้แบรนด์ของไดแอนจะดังเป็นพลุแตก และแบรนด์ของอดีตสามีจะเดินหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม แต่ไดแอนกลับไม่เคยทอดทิ้งเจ้าชายเอกอนเลย  เพราะในวันที่เจ้าชายเอกอนกำลังผลักดันแบรนด์ของตนเอง  ดีไซเนอร์สาวคนนี้ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง ทำให้แบรนด์ของเจ้าชายเอกอนที่ลงท้ายด้วยชื่อนามสกุลเหมือนของไดแอน เติบโตในเส้นทางของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาผันเปลี่ยนสถานะจากคนรักสู่การเป็นเพื่อนรักตลอดกาล  ทั้งคู่ยังส่งความรักให้กันอยู่เสมอเพียงแต่เปลี่ยนสถานะ ใช่เขาเป็นเกย์ และใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง ไดแอนเองก็เป็นหญิงหม้ายใช้ชีวิตถึงขีดสุดเช่นกัน  แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม ทั้งเจ้าชายเอกอน และไดแอนยังคงถ่ายทอดพลังให้กันตลอด  ยิ่งนานวันเข้ามันก็สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า “รักไม่มีกำหนดเพศและสถานะ”                 แต่เรื่องราวนี้ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน และมองข้อจำกัดเรื่องเพศให้เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่มีผลต่อการเลือกหรือตัดสินใจใดๆ มากไปกว่านั้นไม่มีผลต่อสิ่งที่เรียกว่า “ความรัก” เพราะเจ้าชายมีรักแห่งชีวิตที่เขาทุ่มเทให้อย่างสุดใจเพียงคนเดียว คือไดแอน รักนิรันดร์อยู่จวบจนวันสุดท้ายของลมหายใจ.